เมื่อยิ่ง Bluff แล้วยิ่งแย่ เรามาแก้ด้วย Semi-bluff กันดีกว่า
เพราะการบลัฟคือศิลปะแห่งการลวงหลอกเพื่อให้อีกฝ่ายเกิดความสับสนและตัดสินใจผิดพลาด ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะใช้ได้ผลกับทุกคนเสมอไป มีหลายครั้งที่การ Bluff ถูกสวนกลับด้วยการ Call นอกจากจะทำให้แผนการบลัฟของเราล้มเหลวไม่เป็นท่าไม่พอ มันยังทำให้ Bankroll ของเราต่ำลงเรื่อย ๆ สวนทางกับความกดดันที่ค่อย ๆ สูงขึ้น เมื่อเป็นแบบนี้แล้วมีหนึ่งวิธีที่พอจะช่วยแก้ไขได้ นั่นก็คือ Semi-bluff ที่หลายคนอาจคาดไม่ถึง
Semi-bluff คืออะไร
ความหมายของกลยุทธ์นี้ก็ตามชื่อมันอยู่แล้วคือ บลัฟครึ่งหนึ่ง ไม่บลัฟครึ่งหนึ่ง ฟังแล้วก็ดูงงดี เพราะปกติเราจะคุ้นเคยกับการบลัฟหรือไม่บลัฟเสียมากกว่า ซึ่งมันให้ผลแค่ว่าได้หรือไม่ได้ แต่ว่าการทำ Semi-bluff จะช่วยให้เรามีโอกาสทำให้ไพ่ในมือเราดีขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อไพ่กองกลางใบหน้าเปิดขึ้นเท่านั้นเอง
สมมุติว่าเรามี A♦ กับ 4♦ และ Flop เป็น K♦, Q♣ และ 2♦ เท่ากับว่าในมือเรายังไม่มีไพ่ที่ดีพอ แล้วก็ไม่ใช่ไพ่ที่ดีที่สุดด้วย ก็ต้องไปรอให้ออก ♦ ในรอบ Turn หรือ River เพื่อที่จะได้ติด Flush ถึงจะเป็นมือที่ดีที่สุด เมื่อเป็นแบบนี้แล้วสิ่งที่ทำได้ก็มีแค่ Raise (เกทับ) เข้าไปเหมือนว่าเรามีดี ทั้งที่จริงเรารอแค่ไพ่อีกใบเดียวเท่านั้น แบบนี้เรียกได้ว่าเป็นการทำ เซมิบลัฟ นั่นเอง
กลยุทธ์หรือเทคนิคสำหรับการเล่นไพ่โป๊กเกอร์นั้นมีมากจริง และโดยเฉพาะเทคนิคต่างๆสำหรับนักเล่นมือใหม่ที่ต้องเรียนรู้ก็เยอะเช่นกัน แล้วบางเทคนิคก็ยากมากต้องอาศัยการฝึกฝนให้ชำนาญเสียก่อน แต่มีอยู่เทคนิคนึงที่ไม่ยากเหมาะแก่การเรียนรู้สำหรับนักเล่นมือใหม่เป็นอย่างยิ่ง ถ้างั้นมาทำความรู้จักกับ เทคนิคการเล่นโป๊กเกอร์ C-Bet เทคนิคยอดนิยมที่ต้องเข้าใจก่อนใช้จริง กันเถอะ
แล้ว Bluff กับ Semi-bluff ต่างกันตรงไหน
ถ้าจะเอาให้เห็นภาพชัดเจนแบบสถิติกันเลยล่ะก็ การใช้ Bluff หากเราถูก Call กลับมา จะเหลือโอกาสชนะเพียงแค่ 0-10% เท่านั้น แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีโอกาสชนะเลยก็ได้ ตรงกันข้ามถ้าเป็น เซมิบลัฟ แม้จะถูก Call กลับมา แต่เราก็ยังมีโอกาสชนะ 11-50% กันเลยทีเดียว สรุปก็คือการ Bluff เป็นการข่มเพื่อให้อีกฝ่ายหมอบถึงจะมีโอกาสชนะ แต่ Semi-bluff เหมือนการซื้อเวลาเพื่อรอโอกาสชนะนั่นเอง
ทีนี้การใช้ เซมิบลัฟแม้ว่าจะทำให้เรามีโอกาสกลับมาชนะก็จริง แต่โอกาสชนะจะมากน้อยก็ขึ้นอยู่กับไพ่ที่รอด้วย เช่น การรอ Flush หรือ Straight จะมีโอกาสชนะมากกว่าการรอติด Straight จากไพ่ตรงกลาง
อย่างไรก็ตามการใช้ เซมิบลัฟ มักจะเกิดขึ้นในช่วง Flop หรือ Turn เท่านั้น ส่วนช่วง River มักจะเป็นการ Bluff แต่ถ้าเราติด Flush หรือ Straight ในรอบก่อนหน้าและคิดว่ามือเราดีที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้จากการบลัฟก็คือมูลค่า Pot ที่เพิ่มขึ้น ก็ถือได้ว่า เซมิบลัฟ นั้นช่วยสร้างกำไรได้ค่อนข้างดี และอาจจะดีกว่าการบลัฟเสียอีก
เกมไพ่ที่เหมือนจะเล่นง่าย แต่จริงๆแล้วเล่นยาก และเอาชนะยากมาก คงไม่มีใครเถียงแน่ว่าเกมนั้นคือเกมไพ่โป๊กเกอร์ เพราะกว่าจะเล่นชนะเกมไพ่โป๊กเกอร์ได้ ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้และฝึกฝนบ่อยๆ จนเกิดความชำนาญ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะ หรือกติการวิธีกการเล่น ทุกอย่างเป็นเรื่องสำคัญและไม่ควรมองข้ามเลย ดังนี้นวันนี้จะนำเสนอ 4 ขั้นตอนชนะโป๊กเกอร์ รับรองว่าง่ายๆ ไม่ยากหรอก
Semi-bluff ดียังไง
ถ้าจะให้พูดถึงข้อดีก็อย่างที่บอกไปแล้วว่า Semi-bluff ทำให้เรามีโอกาสชนะมากกว่าการ Bluff แบบลอย ๆ ยกตัวอย่างเช่น เราถือ A♣ กับ K♦ อีกฝ่ายถือ 7♦ กับ 2♥ ขณะที่บอร์ดออก Q♥, T♦ และ 3♣
ทีนี้ถ้าจะใช้การ Bluff เราจะมีค่า EV มากกว่าอีกฝ่ายเนื่องจากมีไพ่ที่ได้เปรียบมากกว่าในบอร์ดนี้ เพียงแค่ออก J อีกตัวก็ติด Straight แล้ว แถมไพ่ในมือก็ยังสูงกว่าบอร์ดอีกด้วย ขณะที่อีกฝั่งไม่มีอะไรเลยเพราะเป็นไพ่ต่ำ จะรอ Flush หรือ Straight ก็ไม่ได้ แทบจะไม่มีโอกาสชนะเลยด้วยซ้ำ
จากกรณีนี้ถ้าเราบลัฟจะถูกเรียกว่า Semi-bluff ทันที เพราะเป็นการบลัพเพื่อเพิ่มโอกาสชนะ (คือรอไพ่) ส่วนอีกฝ่ายถ้าบลัฟมาก็จะเป็น Bluff (100%) คือไม่มีอะไรดี แต่ทำทีเหมือนว่ามีมือดีอยู่นั่นเอง จากตัวอย่างก็เข้าใจได้ง่าย ๆ เลยว่ายิ่งมีไพ่ที่มี EV+ มาก ยิ่งมีโอกาสชนะสูง
ข้อดีอีกอย่างของ เซมิบลัฟ ก็คือการบิดเบือนการรับรู้ของคนอื่น เนื่องจากปกติคนที่รอไพ่มักจะ Check หรือ Call เสียมากกว่า ไม่ค่อยมีใคร Bet เพิ่มกลับมา แล้วถ้าเรา Bet ไปก่อน คนอื่นก็มักจะ Call ไม่ก็ Fold จุดนี้จะช่วยให้เราคาดเดาได้ว่าไพ่ของใครแข็งแกร่งแค่ไหน
Hand ที่ใช้ Semi-bluff ได้
กลยุทธ์ Semi-bluff ก็คล้ายกับกลยุทธ์อื่น ๆ คือต้องดูด้วยว่า Hand ของเราเป็นแบบไหน เพื่อให้การใช้กลยุทธ์ได้ผลมากที่สุด ซึ่ง Hand ที่สามารถใช้ เซมิบลัฟ ได้จะต้องมีลักษณะดังต่อไปนี้ถึงจะมีโอกาสพลิกเกมกลับมาชนะได้
- ถือไพ่ใหญ่ที่รอติด Flus เช่น ถือ A♥ กับ 7♥ บอร์ดออก J, 8♥ และ 5♥ เหลือแค่ ♥ อีก 1 ใบก็จะติด Flush
- รอติด Straight 2 ฝั่ง เช่น ถือ 9♥ กับ 8♠ บอร์ดออก J♣, T♦ และ 5♥ เพียงแค่ออก Q หรือ 7 ก็จะติด Straight ทันที
- รอติดทั้ง Flush และ Straight เช่น ถือ K♠ กับ Q♠ บอร์ดออก J♠, T♦ และ 7♠ ทีนี้ก็รอแค่ A หรือ 9 เพื่อติด Straight หรือรอ ♠ อีก 1 ใบ ก็จะติด Flush
Hand ที่ห้ามใช้ Semi-bluff
จะเรียกว่าห้ามหรือว่าไม่ควรก็ได้ เพราะไพ่เหล่านี้มีโอกาสชนะน้อยมาก อาจจะไม่คุ้มค่าที่จะเสี่ยง ยกตัวอย่างเช่น
- Gutshot เช่น ถือ 9♥ กับ 8♥ บอร์ดออก Q♣, J♦ และ 4♠ ต้องรอ T อีก 1 ใบ
- ไพ่ต่ำที่รอติด Flush เช่น ถือ 5♣ กับ 7♣ บอร์ดออก J♣, 8♣ และ 3♥ ต้องรอ ♣ อีก 1 ใบ
มาถึงตรงนี้แล้วจะเห็นได้ว่าการใช้ Semi-bluff นั้นค่อนข้างให้ผลดีกว่าการบลัฟแบบลอย ๆ ที่ทำเพื่อข่มขวัญคนอื่น แต่การจะพลิกสถานการณ์กลับมาเป็นผู้ชนะได้ก็จำเป็นต้องถือไพ่ดี ๆ ที่มีค่า EV+ เยอะ ๆ โอกาสชนะก็จะเพิ่มตาม สำหรับมือใหม่แล้ว เซมิบลัฟ ถือเป็นกลยุทธ์ที่ควรเริ่มต้นก่อนไปใช้ Bluff อย่างจริงจังเสียก่อน อย่างน้อยเวลาโดนคนอื่น Call กลับมา เราก็ยังมีโอกาสชนะและเสียเงินน้อยกว่าการ Bluff ลอย ๆ แน่นอน